QR-CODE |
|
ชื่อวิทยาศาสตร์ |
Ficus subpisocarpa Gagnep.
|
ชื่อสามัญ |
Sea Fig, Deciduous Fig
|
ชื่ออื่น |
ฮ่าง (ลำปาง), โพไทร (นครราชสีมา), เลียบ ไกร (กรุงเทพฯ), ไทรเลียบ (ประจวบคีรีขันธ์)
|
วงค์ หมวดหมู่ |
MORACEAE
|
ประเภทพันธ์ไม้ |
ไม้ยืนต้น
|
ชนิดของลำต้น |
ลำต้นเหนือดิน
|
สภาพทางนิเวศน์ |
|
การขยายพันธ์ |
ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเมล็ดและวิธีการตอนกิ่ง
|
การจัดเรียงตัวของใบ |
เรียงเวียนสลับ
|
รูปร่างของใบ |
รูปรี
|
แบ่งชนิดของผล |
ผลเดี่ยว
|
ประเภทของดอก |
ช่อดอก
|
ประเภทของดอก |
ช่อดอก
|
ประเภทของเปลือก |
เปลือกไม้เรียบ
|
ลักษณะของใบ |
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรี
แกมรูปขอบขนาน หรือรูปไข่กลับ ปลายใบแหลมเป็นติ่งหรือเรียวแหลม โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่น ใบมีขนาดกว้างประมาณ 5-13 เซนติเมตร และยาวประมาณ 12-25 เซนติเมตร แผ่นใบค่อนข้างหนาและเหนียว สีเขียวเข้มและเป็นมัน เส้นแขนงใบมีข้างละ 6-8 เส้น ปลายโค้งจรดกันก่อนถึงขอบใบ ก้านใบเล็ก ยาวได้ประมาณ 8-14 เซนติเมตร ใบอ่อนเป็นสีแดง หูใบมี 2 อัน ประกบกันหุ้มยอดอ่อน ลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายแหลม ยาวได้ประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร มีขนสั้น ๆ สีเหลืองอ่อน ร่วงได้ง่าย ออกเป็นคู่ตรงง่ามใบ หรือที่ตำแหน่งง่ามใบซึ่งใบร่วงไปแล้ว เมื่อยังอ่อนจะมีขนอ่อน ๆ สั้น ๆ เมื่อแก่แล้วจะเกลี้ยง มีใบประดับซึ่งร่วงง่าย 3 ใบ
|
ลักษณะของใบ |
ใบเป็นใบเดี่ยว ออกเรียงเวียนสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปรี
แกมรูปขอบขนาน หรือรูปไข่กลับ ปลายใบแหลมเป็นติ่งหรือเรียวแหลม โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่น ใบมีขนาดกว้างประมาณ 5-13 เซนติเมตร และยาวประมาณ 12-25 เซนติเมตร แผ่นใบค่อนข้างหนาและเหนียว สีเขียวเข้มและเป็นมัน เส้นแขนงใบมีข้างละ 6-8 เส้น ปลายโค้งจรดกันก่อนถึงขอบใบ ก้านใบเล็ก ยาวได้ประมาณ 8-14 เซนติเมตร ใบอ่อนเป็นสีแดง หูใบมี 2 อัน ประกบกันหุ้มยอดอ่อน ลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายแหลม ยาวได้ประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร มีขนสั้น ๆ สีเหลืองอ่อน ร่วงได้ง่าย ออกเป็นคู่ตรงง่ามใบ หรือที่ตำแหน่งง่ามใบซึ่งใบร่วงไปแล้ว เมื่อยังอ่อนจะมีขนอ่อน ๆ สั้น ๆ เมื่อแก่แล้วจะเกลี้ยง มีใบประดับซึ่งร่วงง่าย 3 ใบ
|
ลักษณะของผล |
ผลเป็นผลสดแบบมะเดื่อ สีขาวอมชมพู ลักษณะของผลเป็นรูปกลมแกมรูปไข่กลับ กลมแป้น หรือเป็นรูปหัวใจกลับ ออกเป็นคู่ที่กิ่งเหนือรอยแผลของใบ ผลมีขนาดประมาณ 1.8-2.5 เซนติเมตร ผลเป็นสีเขียว มีจุดสีครีมกระจายอยู่ทั่วผล เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมชมพูมีจุดสีน้ำตาล ที่ปลายมีวงแหวน นูนมีรอยบุ๋ม ภายในมีเมล็ดทรงกลมสีดำอยู่เป็นจำนวนมาก ก้านผลยาวประมาณ 0.7-1.5 เซนติเมตร จะออกผลในช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน
|
ลักษณะของดอก |
ดอกเป็นสีเขียวอมเหลือง ออกเป็นช่อรูปร่างคล้ายผล คือ มีแกนกลาง ช่อดอกเจริญแผ่ขยายใหญ่เป็นกระเปาะ มีรูเปิดที่ปลายโอบดอกไว้ ดอกนั้นมีขนาดเล็กเป็นแบบแยกเพศในกระเปาะ โดยดอกเพศผู้จะมีจำนวนน้อยมาก อยู่ใกล้ ๆ กับรูเปิดของช่อดอก ก้านดอกมีขนาดเล็ก กลีบรวมมี 3 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่ สั้นกว่าเกสรเพศผู้ ก้านเกสรเพศผู้หนา ส่วนดอกเพศเมียจะมีอยู่จำนวนมาก มีกลีบรวมสั้น ๆ อยู่ 3 กลีบ ลักษณะเป็นรูปไข่กลับ เกสรเพศเมียยาว จะอยู่ทางด้านข้างของรังไข่ ดอกจะออกในช่วงประมาณเดือนมกราคมถึงเดือนเมษายน
|
รายละเอียดของเปลือก |
เปลือกต้นสีเทา ค่อนข้างเรียบ มีรากอากาศรัดพันเล็กน้อย
|
ลักษณะของต้น |
จัดเป็นพรรณไม้ยืนต้นผลัดใบขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ มีความสูงได้ประมาณ 8-10 เมตร ทรงพุ่มเป็นรูปไข่ มียางสีขาว เปลือกต้นค่อนข้างเรียบเป็นสีเทา ทุก ๆ ส่วนเกลี้ยงยกเว้นหูใบ มีรากอากาศรัดพันเล็กน้อย
|
ประโยชน์ |
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้โรคทางปัสสาวะ แก้ขัดเบา แก้ตับพิการ และเป็นยาระบาย เปลือกต้นใช้เป็นยาแก้ปวดท้อง ท้องร่วง (เปลือกต้น) เนื้อไม้ใช้เป็นยาสมานและคุมธาตุ (เนื้อไม้)
|
สถานที่พบ |
ส่วนป่าวิทยาลัย
|